หลักในการเลือกใช้กระเป๋าเป้เดินป่า ที่เหมาะสมกับคุณ
1. การเดินทางของคุณ
การเลือกใช้งาน “กระเป๋าแบคแพค” คุณจำเป็นจะต้องพิจาราณาจาก ระยะเวลาหรือจำนวนวันด้วย เพราะถ้ายิ่งไปหลายวันข้าวของสัมภาระก็จะมากขึ้นตามไปด้วย และรวมถึงสภาพอากาศของพื้นที่ด้วย อย่างการตั้งแคมป์ในป่า 3 วัน แน่นอนจะต้องมีของใหญ่ ๆ ที่จำเป็น อย่างเช่น อุปกรณ์พื้นฐาน, เต็นท์, ถุงนอน, เครื่องมือทำอาหาร และอาหารต่าง ๆ หากเป็นช่วงหน้าหนาวคุณก็ต้องเผื่อพื้นที่ให้มากขึ้นสำหรับบรรจุเสื้อผ้าหนา ๆ หรือผ้าห่มไปด้วย
นอกจากนั้นจะต้องคำนึงถึงอุปกรณ์ที่คุณต้องการนำไปด้วยอย่าง กล้องบันทึกภาพต่าง ๆ อาทิเช่น กล้องวิดีโอ, กล้อง DSLR, กล้อง Mirorless , กล้องคอมแพค, กล้องแอคชั่น หรือกล้องถ่ายรูปทั่ว ๆ ไป เป็นต้น พวกอุปกรณ์เสริมกล้องต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ขาตั้งกล้อง, แฟลชกล้อง หรือเลนส์กล้อง และรวมไปถึงอุปกรณ์ส่องนกส่องไม้ที่ขาดไม่ได้อย่าง กล้องส่องทางไกล ด้วย
2. ปริมาณสัมภาระ
จากข้อแรกเมื่อคุณสามารถกำหนดการเดินทางต่าง ๆ ได้แล้ว คุณก็จะทราบถึงปริมาณสัมภาระของคุณ ว่ามีมากน้อยขนาดไหน คุณก็สามารถนำมาพิจาราณาโดยเลือกจาก ขนาดของกระเป๋า โดยกระเป๋าทุกรุ่นจะบอกถึงความจุของกระเป๋าไว้อย่างชัดเจน ซึ่งการคิดคำนวณค่าความจุของกระเป๋าค่อนข้างจะมีความซับซ้อนอยู่พอสมควร ฉะนั้นเพื่อให้ง่าย คุณสามารถพิจาราณาจากค่าความจุมาตราฐานได้ ดังนี้
1. กระเป๋าความจุ ประมาณ 10-40 ลิตร : จะเป็นกระเป๋าที่เหมาะสมสำหรับสัมภาระประมาณนึง ซึ่งจะเป็นกระเป๋าเป้ขนาดเล็ก เหมาะกับคนที่มีเวลาน้อย แต่อยากตั้งแคมป์ เดินป่า สักหนึ่งคืน ในวันหยุดสุดสัปดาห์ และด้วยกระเป๋าเป็นกระเป๋าขนาดเล็ก ทำให้คุณสามารถนำขึ้นเครื่องได้ แต่น้ำหนักโดยรวมต้องไม่เกินที่สายการบินกำหนด
2. กระเป๋าความจุ ประมาณ 40-60 ลิตร : เป็นกระเป๋าขนาดกลาง สามารถใช้บรรจุสัมภาระที่จำเป็นต่าง ๆ ได้มากมาย เหมาะสำหรับคนที่มีของเล่นต่าง ๆ หลายชิ้น อย่างเช่น กล้องส่องทางไกล, โดรนบังคับ หรือพวกกล้องแบบต่าง ๆ หลาย ๆ รุ่น โดยอาจจะไปแค่ประมาณ 3-4 วัน หรือมากกว่านั้นก็ได้
3. กระเป๋าความจุ ประมาณ 60 ลิตร ขึ้นไป : สำหรับตัวนี้เป็นกระเป๋าขนาดใหญ่ สามารถใช้บรรจุสัมภาระที่จำเป็นต่าง ๆ ได้เยอะมาก ๆ ซึ่งมากพอสำหรับการเดินทางในระยะยาว เพราะฉะนั้นมันจึงเป็นขนาดที่เหมาะสมสำหรับ “แบ็คแพ็คเกอร์ (Backpacker)” เป็นอย่างมาก เนื่องจากมันสามารถใช้บรรจุข้าวของสัมภาระได้ทุกอย่างที่ต้องการ
3. ดีไซน์การออกแบบตัวกระเป๋า
หลังจากเลือกที่คุณสามารถ ขนาดของกระเป๋า ที่เหมาะสมกับคุณได้แล้ว ต่อมาก็มาเลือกการออกแบบของกระเป๋าแต่ละรุ่นกันต่อ โดยคุณสามารถดูจากช่องเก็บของอเนกประสงค์ ในตำแหน่งต่าง ๆ ทั้งด้านใน, ด้านหน้า และด้านข้าง ซึ่งช่องต่าง ๆ เหล่านี้มันสามารถช่วยให้คุณหาของขนาดเล็ก ๆ ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น อย่าง ช่องด้านในจะเหมาะสำหรับของชิ้นเล็ก ๆ อย่างพวกยาต่าง ๆ
ส่วนช่องด้านข้างอาจใส่ขวดน้ำ ถ้าหากมีซิปอาจจะใส่เป็นช่องสำหรับเก็บอุปกรณ์ก่อไฟ และในส่วนด้านหน้าหากมีที่เกี่ยวมาให้คุณอาจจะใช้เกี่ยวรองเท้าที่เปียกก็ได้ สำหรับช่องต่าง ๆ พวกนี้มันช่วยให้การอยู่ในป่าของคุณง่ายขึ้น เพราะอย่าลืมว่าในป่าไม่มีแสงไฟเหมือนกับในบ้าน ดังนั้นการหยิบของเล็ก ๆ ที่อยู่ในช่องของมันจะช่วยคุณได้มากเลยทีเดียว
4. สายรัดต่าง ๆ และการระบายอากาศ
สำหรับ กระเป๋าเป้สะพายหลัง สำหรับเดินป่าส่วนใหญ่จะมีสายรัดมาให้ทั้งหมด 3 จุดด้วยกัน มีทั้ง สายรัดช่วงอก, สายรัดสะโพก และสายปรับขยายกระเป๋า โดยสายรัดช่วงอกและสายรัดสะโพกจะมีความจำเป็นมากสำหรับกระเป๋าขนาดกลางและขนาดใหญ่ เนื่องจากเป็นกระเป๋าที่มีน้ำหนักค่อนข้างมากเมื่อบรรจุสัมภาระเต็มใบ และด้วยขนาดตัวกระเป๋าเองบวกกับน้ำหนักมันจะกดไปที่ช่วงสะโพกของคุณ ซึ่งสายรัดช่วงอกจะเข้ามาช่วยแบ่งเบาตรงส่วนนั้นได้เป็นอย่างดี ส่วนสายสายปรับขยายกระเป๋า สำหรับปรับให้กระเป๋ามีความเหมาะสมกับสัมภาระภายใน จะเข้ามาช่วยเพิ่มความสมดุลให้กับกระเป๋าทำให้คุณสะพายได้ง่ายขึ้น นอกจากนั้นแล้วควรเลือกกระเป๋าที่มีช่องระบายอากาศตรงแผ่นหลังด้วย เพื่อช่วยลดเหงื่อที่ออกบริเวณหลังขอองคุณ เพิ่มความรู้สึกที่สบายขึ้น หลักในการเลือกใช้กระเป๋าเป้เดินป่า ที่เหมาะสมกับคุณ
แหล่งที่มา : https://bestreview.asia/best-hiking-backpack/
